Wear OS 6 เปิดตัวฟีเจอร์หลายอย่างเพื่อช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแอป Wear OS ก่อนที่จะเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้ลงในแอป ให้เตรียมแอปให้ใช้งานร่วมกับ Wear OS 6 ได้
การรองรับ Material 3 ที่สื่อความหมาย
Wear OS 6 มีการรีเฟรชการออกแบบตาม Material 3 Expressive ซึ่งมีอยู่ในไลบรารี Compose สำหรับ Wear OS และ Wear OS ProtoLayout เวอร์ชันล่าสุดใน Jetpack
Material 3 Expressive ที่รองรับใน Wear OS 3 ขึ้นไปจะช่วยเปลี่ยนรูปแบบและไทล์ของแอปให้แสดงออกและมีความสร้างสรรค์มากขึ้น โดยใช้รูปแบบทรงกลมให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำรวจการผสมผสานรูปร่างและแบบอักษรต่างๆ รวมถึงการรองรับแบบอักษรของระบบล่าสุด และทดลองใช้ธีมสีแบบไดนามิก
นอกจากนี้ Material 3 Expressive ยังมีการปรับปรุงเลย์เอาต์ต่อไปนี้ด้วย
- รูปร่างปุ่มที่แนบไปกับขอบซึ่งเชิญชวนให้ผู้ใช้ดำเนินการหรือดูข้อมูลเพิ่มเติม
- การเคลื่อนไหวที่สื่อความหมายและตัวบ่งชี้การเลื่อนที่โดดเด่นยิ่งขึ้นภายในคอลเล็กชัน เช่น รายการต่างๆ ซึ่งช่วยให้ควบคุมและเลือกจากชุดตัวเลือกต่างๆ ได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
- เลย์เอาต์ไทล์หลายช่องที่รองรับคอลัมน์ได้สูงสุด 3 คอลัมน์ ซึ่งสร้างความสอดคล้องไปพร้อมกับการแสดงข้อมูลสำคัญอย่างยืดหยุ่น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีย้ายข้อมูลไปยัง Material 3 Expressive และวิธีปฏิบัติตามหลักการการออกแบบโดยใช้ระบบการออกแบบล่าสุดนี้
- ย้ายข้อมูลไปยัง Material 3 Expressive ในแอปและการ์ด
- ปฏิบัติตามหลักการออกแบบสำหรับแอปและการ์ด
ลองใช้การออกแบบที่สื่อความหมายของ Material 3 โดยใช้ชุดเครื่องมือการออกแบบ Figma เวอร์ชันล่าสุด
การปรับปรุงหน้าปัด
อุปกรณ์ที่ใช้งาน Wear OS 6 จะรองรับ Watch Face Format เวอร์ชัน 4 เวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงหลายอย่าง ดังนี้
- รองรับการแสดงรูปภาพ รวมถึงคอลเล็กชันรูปภาพที่ดูแลจัดการโดยผู้ใช้
- การเปลี่ยนสถานะแบบเคลื่อนไหวระหว่างโหมดแอมเบียนท์กับโหมดอินเทอร์แอกทีฟ
- API ใหม่ชื่อ Watch Face Push สำหรับรองรับตลาดกลางที่แสดงหน้าปัดของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Watch Face Format ในการอ้างอิง XML ให้มองหารายการที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน 4
การรองรับฟีเจอร์ที่เปิดตัวในเวอร์ชันก่อนหน้าต่อไป
Wear OS 6 จะยังคงรองรับฟีเจอร์หลักหลายอย่างที่เปิดตัวในเวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ต่อไปนี้
- การควบคุมสื่อที่ขยายการให้บริการ ซึ่งรวมถึงการกรอกลับ กรอไปข้างหน้า และการสับเปลี่ยนเพลย์ลิสต์ โดยจะเริ่มตั้งแต่ Wear OS 5.1
- การตรวจสอบสิทธิ์ที่ปรับปรุงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งรองรับวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น พาสคีย์ ซึ่งจะพร้อมใช้งานผ่าน Credential Manager API ที่เปิดตัวใน Wear OS 5.1