sdkmanager

sdkmanager เป็นเครื่องมือบรรทัดคำสั่งที่ช่วยให้คุณดู ติดตั้ง อัปเดต และถอนการติดตั้งแพ็กเกจสําหรับ Android SDK ได้ หากใช้ Android Studio คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้ และสามารถจัดการแพ็กเกจ SDK จาก IDE แทนได้

เครื่องมือ sdkmanager มีให้ในแพ็กเกจเครื่องมือบรรทัดคำสั่ง Android SDK หากต้องการใช้เครื่องมือจัดการ SDK เพื่อติดตั้งเครื่องมือบรรทัดคำสั่งเวอร์ชันใดเวอร์ชันหนึ่ง ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ดาวน์โหลดแพ็กเกจเครื่องมือบรรทัดคำสั่งล่าสุดจากหน้า Android Studio แล้วแตกไฟล์แพ็กเกจ
  2. ย้ายไดเรกทอรี cmdline-tools ที่แตกไฟล์แล้วไปยังไดเรกทอรีใหม่ตามต้องการ เช่น android_sdk ไดเรกทอรีใหม่นี้คือไดเรกทอรี Android SDK
  3. ในไดเรกทอรี cmdline-tools ที่แตกไฟล์แล้ว ให้สร้างไดเรกทอรีย่อยชื่อ latest
  4. ย้ายเนื้อหาไดเรกทอรี cmdline-tools ต้นฉบับ ซึ่งรวมถึงไดเรกทอรี lib, ไดเรกทอรี bin, ไฟล์ NOTICE.txt และไฟล์ source.properties ไปยังไดเรกทอรี latest ที่สร้างขึ้นใหม่ ตอนนี้คุณใช้เครื่องมือบรรทัดคำสั่งจากตำแหน่งนี้ได้
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการติดตั้งเครื่องมือบรรทัดคำสั่งเวอร์ชันก่อนหน้า ให้เรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้

    android_sdk/cmdline-tools/latest/bin/sdkmanager --install "cmdline-tools;version"
    
    แทนที่ version ด้วยเวอร์ชันที่ต้องการติดตั้ง เช่น 5.0

การใช้งาน

คุณสามารถใช้ sdkmanager เพื่อแสดงรายการแพ็กเกจที่ติดตั้งและพร้อมใช้งาน ติดตั้งแพ็กเกจ และอัปเดตแพ็กเกจ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อด้านล่าง

แสดงรายการแพ็กเกจที่ติดตั้งและพร้อมใช้งาน

หากต้องการแสดงรายการแพ็กเกจที่ติดตั้งและพร้อมใช้งาน ให้ใช้ไวยากรณ์ต่อไปนี้

sdkmanager --list [options] \
           [--channel=channel_id] // Channels: 0 (stable), 1 (beta), 2 (dev), or 3 (canary)

ใช้ตัวเลือก channel เพื่อรวมแพ็กเกจจากช่องสูงสุด channel_id ช่อง เช่น ระบุแชแนล Canary เพื่อแสดงรายการแพ็กเกจจากทุกแชแนล

ติดตั้งแพ็กเกจ

หากต้องการติดตั้งแพ็กเกจ ให้ใช้ไวยากรณ์ต่อไปนี้

sdkmanager packages [options]

อาร์กิวเมนต์ packages คือเส้นทางสไตล์ SDK ดังที่แสดงด้วยคำสั่ง --list ที่ใส่เครื่องหมายคำพูด เช่น "build-tools;34.0.0" หรือ "platforms;android-33"

คุณสามารถส่งเส้นทางแพ็กเกจหลายรายการโดยคั่นด้วยเว้นวรรค แต่แต่ละรายการต้องอยู่ในชุดเครื่องหมายคำพูดของตัวเอง ตัวอย่างเช่น วิธีติดตั้งเครื่องมือแพลตฟอร์มและเครื่องมือ SDK เวอร์ชันล่าสุดสำหรับ API ระดับ 33 มีดังนี้

sdkmanager "platform-tools" "platforms;android-33"

หรือจะส่งไฟล์ข้อความที่ระบุแพ็กเกจทั้งหมดก็ได้ โดยทำดังนี้

sdkmanager --package_file=package_file [options]

อาร์กิวเมนต์ package_file คือตำแหน่งของไฟล์ข้อความที่แต่ละบรรทัดเป็นเส้นทางสไตล์ SDK ของแพ็กเกจที่จะติดตั้ง (ไม่มีเครื่องหมายคำพูด)

หากต้องการถอนการติดตั้ง ให้เพิ่ม Flag --uninstall ดังนี้

sdkmanager --uninstall packages [options]
sdkmanager --uninstall --package_file=package_file [options]

หากต้องการติดตั้ง CMake หรือ NDK ให้ใช้ไวยากรณ์ต่อไปนี้

sdkmanager --install
           ["ndk;major.minor.build[suffix]" | "cmake;major.minor.micro.build"]
           [--channel=channel_id] // NDK channels: 0 (stable), 1 (beta), or 3 (canary)

ตัวอย่างเช่น ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง NDK เวอร์ชันที่ระบุไม่ว่าจะอยู่ในแชแนลใดก็ตาม

sdkmanager --install "ndk;21.3.6528147" --channel=3 // Install the NDK from the canary channel (or below)
sdkmanager --install "cmake;10.24988404" // Install a specific version of CMake

อัปเดตแพ็กเกจที่ติดตั้งทั้งหมด

หากต้องการอัปเดตแพ็กเกจที่ติดตั้งทั้งหมด ให้ใช้ไวยากรณ์ต่อไปนี้

sdkmanager --update [options]

ยอมรับใบอนุญาต

คุณต้องยอมรับใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับแต่ละแพ็กเกจที่คุณติดตั้ง ขั้นตอนนี้จะดำเนินการระหว่างขั้นตอนการติดตั้งเมื่อคุณติดตั้งแพ็กเกจจากภายใน Android Studio

หากไม่ได้ติดตั้ง Android Studio หรือ Android Studio ของคุณมีไว้สำหรับเซิร์ฟเวอร์ CI หรืออุปกรณ์ Linux แบบไม่มีจอแสดงผลอื่นๆ ที่ไม่ได้ติดตั้ง GUI ให้ทำดังนี้จากบรรทัดคำสั่ง

sdkmanager --licenses

ซึ่งจะแจ้งให้คุณยอมรับใบอนุญาตที่ยังไม่ได้ยอมรับ

ตัวเลือก

ตารางต่อไปนี้แสดงตัวเลือกที่มีสำหรับคำสั่งที่ระบุไว้ในส่วนก่อนหน้า

ตัวเลือก คำอธิบาย
--sdk_root=path ใช้เส้นทาง SDK ที่ระบุแทน SDK ที่มีเครื่องมือนี้
--channel=channel_id รวมแพ็กเกจในช่องไม่เกิน channel_id ช่องที่มีให้บริการมีดังนี้

0 (เสถียร), 1 (เบต้า), 2 (เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา) และ 3 (Canary)

--include_obsolete ระบุแพ็กเกจที่ล้าสมัยในข้อมูลแพ็กเกจหรือการอัปเดตแพ็กเกจ สำหรับใช้กับ --list และ --update เท่านั้น
--no_https บังคับให้การเชื่อมต่อทั้งหมดใช้ HTTP แทน HTTPS
--newer เมื่อใช้ --list ระบบจะแสดงเฉพาะแพ็กเกจใหม่หรือแพ็กเกจที่อัปเดตได้
--verbose โหมดเอาต์พุตแบบละเอียด ระบบจะพิมพ์ข้อผิดพลาด คำเตือน และข้อความที่ให้ข้อมูล
--proxy={http | socks} เชื่อมต่อผ่านพร็อกซีประเภทที่ระบุ ซึ่งได้แก่ http สำหรับโปรโตคอลระดับสูง เช่น HTTP หรือ FTP หรือ socks สำหรับพร็อกซี SOCKS (V4 หรือ V5)
--proxy_host={IP_address | DNS_address} ที่อยู่ IP หรือ DNS ของพร็อกซีที่จะใช้
--proxy_port=port_number หมายเลขพอร์ตพร็อกซีที่จะเชื่อมต่อ